แนะนำสำหรับคุณ
ค้นพบตัวเลือกยอดนิยมที่เหมาะกับสไตล์ของคุณ — คัดสรรมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ!
฿12,900.00 – ฿13,400.00Price range: ฿12,900.00 through ฿13,400.00
฿1,450.00 – ฿1,650.00Price range: ฿1,450.00 through ฿1,650.00
โรคอ้วนเป็นโรคที่เกี่ยวกับไขมันในร่างกายที่มากเกินไป เป็นโรคที่เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และมะเร็งบางชนิด มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้บางคนมีปัญหาในการลดน้ำหนัก โดยปกติแล้ว โรคอ้วนเป็นผลมาจากปัจจัยทางกรรมพันธุ์ ทางสรีรวิทยา และสิ่งแวดล้อม รวมกับการเลือกรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย
ข่าวดีก็คือการลดน้ำหนักเพียงเล็กน้อยก็สามารถปรับปรุงหรือป้องกันปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนได้ การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกายที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับโรคอ้วน และชวนทุกคนมาขยับร่างกายให้บ่อยขึ้นเพื่อป้องกันโรคอ้วนกันค่ะ
โรคอ้วนเป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคถุงน้ำดีและอื่น ๆ นอกจากนี้การมีน้ำหนักที่มากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและอารมณ์ ที่แปรปรวน
โรคอ้วนอาจหมายถึงคนที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 25 ขึ้นไป ซึ่งอาจจะเกิดได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง ไม่ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีรสหวานเกินไป และคนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม โรคอ้วนอาจจะไม่ได้แสดงให้เห็นในทันทีเหมือนไข้หวัด แต่จะค่อย ๆ สะสมและแสดงอาการเมื่อป่วยหนักแล้ว โรคอ้วนยังเพิ่มความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง เบาหวาน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ มะเร็งบางชนิด ภาวะมีบุตรยาก เพื่อความมั่นใจเรามาเช็คค่าดัชนีมวลกาย (BMI) กันค่ะว่าเรามีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์หรือไม่ คำนวณได้ดังนี้
ตัวอย่างการคำนวณ BMI : น้ำหนักตัว = 62 กิโลกรัม, ส่วนสูง = 1.60 เมตร² (1.60 x 1.60)
วิธีคิด : น้ำหนักตัว[Kg] / (ส่วนสูง[m] ยกกำลังสอง) 62 / (1.65)² = 24.22
อยู่ในเกณฑ์ : น้ำหนักเกิน โรคอ้วนระดับที่ 1
ดัชนีมวลกาย (BMI) = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) หารด้วย ส่วนสูง (เมตร)²
นี่อาจจะเป็นสัญญาณเตือนที่ว่า คุณกำลังจะมีโรคภัยมาเยือน ควรหันมาดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง โดยการดูแลอาหารการกินเพื่อสุขภาพให้มากขึ้น และหมั่นออกกำลังกายให้บ่อยขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขยับร่างกายหนักหรือเบา ก็ให้ประโยชน์ต้านทานโรคได้ค่ะ
กิจกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายได้เกิดการเคลื่อนไหวอยู่บ่อย ๆ หากทำได้จะช่วยสร้างพฤติกรรมใหม่ ส่งเสริมให้สุขภาพดีขึ้น และช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ดี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยทำให้ร่างกายได้ขยับตั้งแต่การตื่นนอนไปจนถึงเข้านอนเลยค่ะ โดยจะแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ
กิจกรรมที่ใช้กำลังกายน้อย เป็นกิจกรรมเบา ๆ ที่ ไม่ต้องใช้กำลังกายมาก เช่น ทำความสะอาดบ้าน ถูบ้าน เดินใกล้ ๆ สัก 5 นาที โดยปกติแล้วกิจกรรมนี้จะใช้เวลาต่ำกว่า 10 นาที
กิจกรรมที่ใช้กำลังกายปานกลาง ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ให้เต้นแรงขึ้น หายใจรับออกซิเจนได้ดีขึ้น ได้แก่ จ๊อกกิ้งเบา ๆ เดินเร็ว ๆ หรือปั่นจักรยาน 10 นาทีขึ้นไป ขึ้นลงบันได ทำสวน เป็นต้น
กิจกรรมที่ใช้กำลังกายอย่างหนัก ที่ทำให้หัวใจเต้นแรง และเร็วขึ้น รับออกซิเจนได้มากขึ้น หายใจหอบ หรือจะเรียกว่าแทบจะหายใจไม่ทันก็ได้ค่ะ เช่น การขุดดิน ยกของหนัก วิ่ง ออกกำลังกาย เล่นกีฬา เตะบอล ปั่นจักรยานด้วยความเร็ว ยกของหนัก
สำหรับใครที่อยากมีสุขภาพดี ห่างไกลโรค ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ออกกำลังกายที่มีระดับปาน อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือออกกำลังกายอย่างหนัก 75 นาทีต่อสัปดาห์ ก็จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้น ห่างไกลจากโรคต่าง ๆ ได้นั่นเองค่ะ
เดินให้มากขึ้น การเดินเป็นกิจกรรมที่เรียบง่าย ทำได้ง่าย เพราะเราต่างก็ใช้ชีวิตประจำวันด้วยการเดินอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า อาจจะเพิ่มระยะทางการเดินและระยะเวลาในการเดินให้มากขึ้น เพื่อให้ได้รับประโยชน์และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น และช่วยให้การเคลื่อนไหวมีประสิทธิภาพมากขึ้น ห่างไกลจากโรคอ้วนและโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้ สามารถทำได้ด้วยวิธีดังนี้
แนะนำให้เดินอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน หรือ 150 นาทีต่อสัปดาห์ ก็ช่วยให้เราห่างไกลจากโรคอ้วนได้
ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ แค่การแกว่งแขนอยู่กับที่ก็ช่วยให้ลดโรคได้หลายโรค แถมยังช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี สังเกตง่าย ๆ คือเวลาเราเหนื่อยล้าจากงานที่ต้องนั่งนาน ๆ หรือเปลี่ยนท่านั่ง เปลี่ยนอิริยาบถ เราก็จะชูแขนขึ้น ยืดเหยียดแขน หรือขา ยืดจนสุดตัว หรือที่เรียกว่าบิดขี้เกียจนั่นเองค่ะ พอบิดขี้เกียจแล้วกลับทำให้เรารู้สึกดีขึ้น สบายตัวขึ้น กระชุ่มกระชวยอย่างบอกไม่ถูก การแกว่งแขนก็เช่นกันค่ะ เพราะจะทำให้เลือดลมภายในร่างกายไหลเวียนได้ดีมากขึ้น กระปรี้กระเปร่า ทำให้อวัยวะแข็งแรงขึ้น ทำงานได้ดีขึ้นนั่นเองค่ะ นอกจากนี้การแกว่งแขนยังช่วยลดพุงลดโรค ช่วยป้องกันโรคอ้วนและโรคอื่น ๆ ได้หลายโรคอีกด้วย ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มแกว่งแขนกันเลยค่ะ
การแกว่งแขนไม่จำเป็นต้องทำครั้งเดียว 30 นาที อาจจะเริ่มจาก 10 นาทีก่อนก็ได้ แต่ให้รวมกันได้ 30 นาทีต่อวัน และสามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา
การต่อยมวยในอากาศ หรือการยืดกล้ามเนื้อบนเก้าอี้ที่เรานั่งทำงานนี่เองค่ะ เป็นท่าบริหารที่ใช้แขน กับเก้าอี้ทำงานของเรา ที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ พัฒนาระบบการหายใจ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี รับออกซิเจนได้มากขึ้นนั่นเองค่ะ โดยเริ่มจาก
ท่าที่ 1
ท่าที่ 2
ท่าที่ 3
ท่าที่ 4