?>
แชร์บทความนี้

6 อาหารกระตุ้นการเผาผลาญได้ดี

หนึ่งในบทสนทนาที่ได้รับความนิยม ในหมู่คนรักสุขภาพ นั่นก็คือการเผาผลาญพลังงาน นั่นเอง หลายคนคงเคยได้ยินว่าการลดน้ำหนัก หรือการรักษาน้ำหนักให้คงที่นั้น นอกจากจะต้องออกกำลังกายให้สม่ำเสมอแล้ว จะต้องใส่ใจกับอัตราการเผาผลาญของเราด้วย

การเผาผลาญพลังงานในร่างกาย เกิดจากสาร เมแทบอลิซึม (Metabolism) ในร่างกาย ซึ่งจะเปลี่ยนจากอาหารที่เรากินเข้าไปให้เป็นพลังงาน ทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานนั่นเอง แต่สำหรับการเผาผลาญพลังงานที่ช้าลงอาจเกิดจากหลายสาเหตุค่ะ เช่น ความเครียด ความเหนื่อยล้าสะสม ไม่ออกกำลังกาย และยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการเผาผลาญที่ช้าลงอย่างเรื่อง อายุ และพันธุกรรมซึ่งเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ค่ะ

แต่มีสิ่งหนึ่งที่สามารถควบคุมได้ นั่นก็คือ อาหารที่เรากินค่ะ อาหารเหล่านี้ไม่ใช่แค่ช่วยให้เอาอิ่มท้องเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญได้ดีอีกด้วย เมื่อร่างกายเผาผลาญได้ดีขึ้น สุขภาพโดยรวมก็จะดีขึ้นด้วย ในบทความนี้เราจะพาไปเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารเหล่านั้นกันค่ะ 

1.อาหารรสเผ็ด

แน่นอนค่ะ อาหารที่มีรสเผ็ดมากเกินไปอาจทำให้หลายคนไม่ชอบ เพราะกินได้ยาก บางคนถึงขั้นเหงื่อไหลกันเลยค่ะ แต่มีการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการกินอาหารรสเผ็ดช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจได้ และยังช่วยให้เกิดการเผาผลาญพลังงานในร่างกายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในพริกพริกทั่วไปยังมีสาร แคปไซซิน (capsaicin) ซึ่งเป็นสารที่ให้ความเผ็ด หนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยชะลอวัยและช่วยให้อารมณ์ดี แต่สำหรับใครที่กินเผ็ดไม่ไหวก็อย่าฝืนนะคะ เลือกกินให้เหมาะสมกับตัวเองก็เพียงพอแล้วค่ะ

2.ชาเขียว

หนึ่งในชาที่มีสาร EGCG (Epigallocatechin Gallate) ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน และไขมัน เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยให้น้ำหนักตัวคงที่ ไม่สวิงไปมา ตราบใดที่เราไม่กลบมันด้วยครีมและน้ำตาล ชาเขียวนั้นไม่เพียงแต่ปราศจากแคลอรีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เผาผลาญแคลอรีส่วนเกินได้ดีอีกด้วยค่ะ หากใครที่กำลังมองหาชาเขียวไว้จิบในยามบ่าย มัทฉะ (ชาเขียวญี่ปุ่น) เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะ เพราะในมัทฉะ มีสาร EGCG (Epigallocatechin Gallate) อย่างน้อย สามเท่าของใบชาเขียวปกติค่ะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ดีเช่นกัน แต่อย่าดื่มมากจนเกินควรนะคะ เพราะในชาเขียว หรือชาอื่น ๆ ก็มี คาเฟอีน อยู่ในปริมาณมาก หากดื่มากเกินไป อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดีค่ะ

3.ปลาโอเมก้า 3

ปลาที่มีกรดไขมันอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาเทราต์ ปลาทูน่า ซึ่งปลาเหล่านี้อุดมไปด้วยสารอาหารไม่ว่าจะเป็น วิตามินดี แร่ธาตุ และแคลเซียม นอกจากนี้ โอเมก้า 3 ยังช่วยควบคุมความอยากอาหาร และช่วยให้การเผาผลาญอาหารเพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นการผลิต เลปติน (Leptin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายรับรู้เมื่ออิ่มนั่นเองค่ะ

4.อะโวคาโด

“อะโวคาโด” (Avocados) ผลไม้ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ที่จัดให้เป็น Superfood เพราะอุดมไปด้วยสารอาหาร และแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น ไฟเบอร์ โปรตีน และมีสารต้านอนุมูลอิสระ อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่นิยมทานในหมู่คนที่ลดน้ำหนักอีกด้วยค่ะ เพราะให้พลังงานต่ำ แถมยังช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ดี หากใครที่กำลังหาอาหารว่างเพื่อสุขภาพ หรือผลไม้ในยามบ่าย อะโวคาโดก็ตอบโจทย์ได้ดีเลยค่ะ

นอกจากนี้ “อะโวคาโด” ยังเป็นแหล่งของใยอาหาร ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เช่น ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคอ้วน ช่วยให้สุขภาพของดวงตาดีขึ้น เป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่า 20 ชนิด รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมมองหาอะโวคาโดไว้เป็นทางเลือกนะคะ

5.กาแฟดำ

ปัจจุบัน การดื่มกาแฟได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนอกจากจะให้กลิ่นหอมแล้วยังมีรสชาติแปลกใหม่ให้ลิ้มลองอยู่เสมอค่ะ กาแฟเป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ดีเยี่ยม โดยกาแฟ 1 ช้อนโต๊ะ มีไฟเบอร์ถึง 6 กรัม โพแทสเซียม 14 % ธาตุเหล็ก 15 % และแคลเซียม 4 % ให้พลังงาน 30 – 35 แคลอรี แต่เมื่อไรที่เติมนม หรือน้ำตาลเข้าไป จะกลายเป็น 440 แคลอรีทันที แน่นอนค่ะ กาแฟดำให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า อย่างไรก็ตามกาแฟก็ยังเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี และยังช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ดีอีกด้วย แต่ไม่ควรดื่มเกิน 3 แก้วต่อวัน หรือมากเกินไปนะคะ เพราะในกาแฟมีสาร ‘คาเฟอีน’ ซึ่งเป็นสารทำให้ตื่นตัว อาจส่งผลให้นอนไม่หลับ และอาจจะทำให้ส่งผลเสียต่อร่างกายได้ค่ะ

6.เกรปฟรุต (Grapefruit)

เกรปฟรุ้ต (Grapefruit) คือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว อยู่ในตระกูลส้ม (Citrus) ซึ่งเกิดจากส้มเช้งและส้มโอ มีรสเปรี้ยวอมหวาน หอม เป็นแหล่งของวิตามินซี เส้นใยอาหาร และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ให้แคลอรีน้อย เหมาะสำหรับอาหารว่างทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ ในเกรปฟรุ้ต (Grapefruit) ยังมีสารประกอบที่เรียกว่า นารินจิน (naringin) ที่ช่วยต้านการอักเสบ และต้านสารอนุมูลอิสระได้ดี ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยให้ลดน้ำหนัก และยังช่วยให้เพิ่มเผาผลาญได้ดีอีกด้วยค่ะ

อาหารที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญ อาจจะไม่ได้ช่วยให้เผาผลาญเสมอไป เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นช่วงอายุ หรือพันธุกรรม ดังนั้น หากต้องการ การเผาผลาญมีประสิทธิภาพมากกว่า เราขอแนะนำให้ออกกำลังกายควบคู่ไปกับการกินอาหารที่กล่าวมาข้างต้นนะคะ เพื่อการเผาผลาญที่ยั่งยืน และประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

อ้างอิง


แชร์บทความนี้